สำหรับวัยทำงาน ปัญหาสุขภาพที่หลายคนเจอคือ อาการปวดหลัง ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมต่างๆ เช่น การนั่ง การยืน หรือการยกของในท่าที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงการใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน เหล่านี้ล้วนส่งผลโดยตรงกับอาการปวดหลัง นอกจากนี้ยังมีอาการปวดหลังที่มีร่วมกับอาการอื่นๆ ที่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโรคร้ายได้ วันนี้น้องจ๊อบรวบรวมวิธีการปรับท่าทางและพฤติกรรม เพื่อป้องกันอาการปวดหลัง รวมถึงอาการปวดแบบต่างๆ ที่เราควรต้องระวังเป็นพิเศษมาฝากกัน
วิธีการปรับท่าทางเพื่อป้องกันอาการปวดหลัง
การนั่ง ควรนั่งให้ชิดขอบในของเก้าอี้ โดยหลังไม่โก่งและให้หลังชิดพนักพิง ระดับความสูงของเก้าอี้นั่งให้เท้าแตะพื้น รองรับก้นและโคนขาได้ทั้งหมด
การยกของ ควรย่อเข่าลงนั่ง ยกของให้ชิดตัว แล้วลุกด้วยกำลังขา เลี่ยงการก้มลงแล้วยกเพราะอาจทำให้กล้ามเนื้อหลังอักเสบ หรือฉีดขาดได้
การควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับปกติ หากมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไป จะทำให้กระดูกสันหลังทำงานหนักขึ้น อาจทำให้ปวดหลังได้ง่าย เพราะต้องรับน้ำหนักมากตามไปด้วย
การใส่รองเท้าส้นสูง เลือกรองเท้าที่มีพื้นนิ่มและส้นสูงไม่เกิน 2 นิ้ว เพื่อช่วยลดแรงกดที่เท้า เลี่ยงการใส่รองเท้าสูงเกินไปเป็นเวลานานเพราะจะทำให้เกิดแรงกดที่ข้อเท้าได้
การยืนเป็นเวลานาน
ควรเปลี่ยนท่าทางบ้าง ถ้าทำได้ให้สลับนั่งพักเพื่อพักขาและเท้า หากรู้สึกเมื่อยล้า ให้ย่ำเท้าอยู่กับที่ หรือเดินไป-มา ประมาณ 2-3 นาที เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนจากขากลับเข้าสู่หัวใจดีขึ้น
อาการปวดหลังแบบไหน ควรไปพบแพทย์
ปวดหลังร่วมกับมีไข้ อาจมีภาวะติดเชื้อบางอย่าง
ปวดหลังเรื้อรังมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด
ปวดหลังจากอุบัติเหตุ อาจมีกระดูกสันหลังหักยุบได้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาทางรักษา
รู้สึกเบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลดร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งได้
มีอาการชาหรืออ่อนแรงร่วมด้วย อาจเกี่ยวข้องกับการกดทับของเส้นประสาท
หากคุณพบว่าตัวเองมีอาการเหล่านี้อยู่ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ และวางแผนรักษาต่อไป
ขอขอบคุณที่มาจาก